Written by 9:30 am กำลังมาแรง, ไลฟ์สไตล์

ไขความกระจ่าง โน้ตส์น้ำหอมคืออะไร?

ปัจจุบันน้ำหอมมีบทบาทอย่างมากในชีวิตของหลายๆ คน และธุรกิจน้ำหอมก็กำลังเฟื่องฟู เพราะเป็นสิ่งที่หลายคนมีมากกว่า 1 ขวดในเวลาเดียวกัน ทั้งจากแบรนด์ที่แตกต่างกัน ประเภทน้ำหอมที่แตกต่างกัน แต่หลักๆ ก็น่าจะเป็นเพราะอยากใช้หลายๆ กลิ่นจะได้เปลี่ยนได้ทุกวัน ทำให้ปัจจุบัน แบรนด์น้ำหอมหลายๆ แบรนด์ พากันออกกลิ่นและโน้ตที่เป็นเอกลักษณ์มากมายให้ผู้บริโภคอย่างเราได้ลองใช้กัน

แต่ปัจจุบันกลิ่นน้ำหอมมีเยอะมากมาย เรากลับไม่รู้เลยว่าท็อปโน้ต มิดเดิลโน้ต หรือเบสโน้ตคืออะไร วันนี้เรามาลองดูไปพร้อมๆ กัน

โน้ตน้ำหอมคืออะไร?

โน้ตน้ำหอม (Perfume Notes) คือองค์ประกอบหลักของกลิ่นน้ำหอม เราแยกออกเป็น 3 ประเภทด้วยกันคือ ท็อปโน้ตส์ (Top notes), มิดเดิลโน้ตส์หรือฮาร์ตโน้ตส์ (Middle Notes/Heart notes) และเบสโน้ตส์ (Base notes) 

ท็อปโน้ตส์ (Top notes)

ท็อปโน้ตส์ (Top notes) คือกลิ่นที่เราจะได้สัมผัสเป็นกลิ่นแรกสุดทันทีที่ฉีดน้ำหอม กลิ่นนี้จะทำหน้าที่สร้างความประทับใจให้กับผู้ใช้ และบอกเล่าเรื่องราวของน้ำหอมกลิ่นนั้นๆ โดยปกติแล้ว ท็อปโน้ตส์ จะอยู่กับเราเพียง 5-15 นาทีเท่านั้น มันจะช่วยให้กลิ่นมิดเดิ้ลโน้ตส์มีมิติมากขึ้น 

กลิ่นที่นิยมใช้เป็นท็อปโน้ตส์: ส่วนมาแบรนด์ต่างๆ จะใช้กลิ่นเปรี้ยวปนหวานอย่างตระกูลซิตรัสเป็นหลัก เพื่อสร้างความประทับใจแรกที่ชัดเจน เช่น มะนาว, ส้ม, เบอร์กามอต (ลักษณะเหมือนมะกรูด แต่ขนาดเท่าผลส้ม) อีกประเภทก็คือกลิ่นดอกไม้ฟลอรัล เช่น ลาเวนเดอร์, กุหลาบ บางแบรนด์ที่ต้องการความเป็นเอกลักษณ์อาจจะใช้ กะเพรา หรือ ยี่หร่า (anise) เป็นต้น

มิดเดิลโน้ตส์หรือฮาร์ตโน้ตส์ (Middle Notes/Heart notes) 

ตามชื่อเลย มิดเดิลโน้ตส์ ก็คือกลิ่นกลางและเป็นกลิ่นที่จะแสดงตัวชัดเจนหลังจากท็อปโน้ตส์หายไปหมดแล้ว ซึ่งจะทำหน้าที่ในการสร้างกลิ่นที่ลึกล้ำมากขึ้น ขณะที่ยังคงอโรม่าและความรู้สึกจากท็อปโน้ตส์ไว้และเป็นตัวเชื่อมให้เบสโน้ตส์มีเสน่ห์มากขึ้น เพราะกลิ่นที่มักใช้ในการทำเบสโน้ตส์มักไม่ถูกใจผู้คนมากนักหากอยู่ตัวคนเดียว บางครั้งจะถูกเรียกว่า ฮาร์ตโน้ตส์ (Heart notes) หรือใจกลางของน้ำหอม

โดยปกติมิดเดิลโน้ตส์จะติดอยู่กับเราราวๆ 20-60 นาทีขึ้นอยู่กับประเภทและกลิ่นของขวดนั้นๆ นอกจากนั้นยังเป็นโน้ตส์ที่ผู้คนชอบมากที่สุดในแต่ละกลิ่นอีกด้วย

กลิ่นที่นิยมใช้เป็นมิดเดิลโน้ตส์: กลิ่นที่ผู้คนมักนิยมน้ำมาทำมิดเดิลโน้ตส์มักเป็นกลิ่นที่มีความเข้มข้นระดับหนึ่ง (full-bodied) เช่น มะลิ, เจอราเนียม (Geranium), ดอกส้ม (neroli), กระดังงา ไปจนถึงอบเชย, พริกไทย, ตะไคร้, ต้นสน และ เมล็ดกระวาน

เบสโน้ตส์ (Base notes) 

เบสโน้ตส์คือฐานของน้ำหอม ซึ่งจะช่วยเพิ่มกลิ่นที่บางเบาของวัตถุดิบแต่ละชนิดให้เด่นชัดขึ้น ในขณะที่เพิ่มความลึกล้ำและคงอยู่ของกลิ่นน้ำหอมให้ยาวนานขึ้น

เพราะหน้าที่แบบนั้นเองทำให้ตัวเบสโน้ตส์มักทำมาจากวัตถุดิบที่มีกลิ่นเข้มข้นสูง หนักแน่น และยาวนาน ซึ่งโดยปกติแล้วจะแสดงตัวตั้งแต่ 30 นาทีแรกและคงอยู่จนถึง 6 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย และทำงานร่วมกับมิดเดิลโน้ตส์เพื่อสร้างอัตลักษณ์ของน้ำหอม ซึ่งคอมบิเนชั่นนี้้จะเป็นส่วนหลักที่ทำให้น้ำหอมแต่ละขวดแต่ละกลิ่นแต่ละแบรนด์มีตัวตนที่แตกต่างกัน

กลิ่นที่นิยมใช้เป็นเบสโน้ตส์: เบสโน้ตส์ส่วนมากมักจะมีส่วนผสมของ วานิลา, แอมเบอร์, มัสก์, พิมเสน (patchouli), มอสส์ และไม้หอมต่างๆ เช่น ไม้แซนดัล, ไม้ซีดาร์, ไม้กฤษณา ฯลฯ

สรุป

คุณสามารถแยกโน้ตส์น้ำหอมได้ง่ายๆ จากระยะเวลาหลังการฉีด กลิ่นแรกที่คุณได้สัมผัสคือท็อปโน้ตส์ หลังจากนั้นซัก 20 นาทีกลิ่นที่ชัดที่สุดจะเป็นมิดเดิลโน้ตส์ และกลิ่นที่ยังหลงเหลืออยู่หลังผ่านไป 1 ชั่วโมงแล้วก็คือเบสโน้ตส์

กลิ่นที่เบาและให้ความรู้สึกสดชื่นมักถูกใช้ในการทำเป็นท็อปโน้ตส์ ในขณะที่กลิ่นดอกไม้มักเป็นกลิ่นที่นิยมในการทำเป็นมิดเดิลโน้ตเพราะให้ความรู้สึกหอมธรรมชาติ ไม่ฉุน และสร้างตัวตนให้ผู้ใช้ และสุดท้ายกลิ่นเครื่องเทศ ไม้หอมและมัสก์มักจะเป็นองค์ประกอบหลักของเบสโน้ตส์ เพราะความอยู่ทนยาวนานของมันนั่นเอง

แต่อย่างไรก็ตาม องค์ประกอบแบบนี้ก็ไม่ได้ตายตัวเสมอไป ถ้าหากคุณอยากรู้ว่าแต่ละกลิ่นให้อัตลักษณ์อย่างไรก็ลองไปเทสๆ ดูได้ตามร้านน้ำหอมทั่วไป น้ำหอมแบรนด์ไทยก็มีนะ ปัจจุบันมีหลายเจ้าเลยล่ะ ไม่แน่ การสะสมน้ำหอมอาจเป็นอีกงานอดิเรกของคุณก็ได้นะ

(Visited 112 times, 1 visits today)
Last modified: September 28, 2022
Close